ช่องชาร์จ iPhone เสีย ส่งซ่อมร้านไหน สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย
วิธีแก้ไขปัญหาช่องชาร์จ iPhone เสียก่อนส่งซ่อม
สำหรับใครที่เป็นหนึ่งในสาวกของตระกูลโทรศัพท์ Apple คงจะรู้ได้เป็นอย่างดีว่า โทรศัพท์ในตระกูลนี้นั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างพอตัวเลยทีเดียวที่แตกต่างจากโทรศัพท์ในรูปแบบเดิม ๆ นั้นทำให้วิธีการแก้ปัญหาเมื่อเครื่องเกิดความผิดปกติ สิ่งแรกที่เราจำเป็นที่จะต้องคำนึงเลยก็คือ iPhone ไม่สามารถใช้วิธีการแก้ปัญหาเดียวกันกับโทรศัพท์รุ่นอื่น ๆ ได้ คุณควรที่จะมีความเข้าใจ และรู้ถึงวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นให้ดีเสียก่อน ซึ่งสำหรับบทความชิ้นนี้เราได้หยิบอีกหนึ่งปัญหาหลักของ iPhone มาแบ่งปันความรู้กัน นั้นก็คือ ช่องชาร์จ iPhone เสีย หรือการเสียบสายชาร์จเข้าไปแล้ว แต่ตัวเครื่องไม่ทำการชาร์จ ถ้าครั้งหนึ่งที่ iPhone ของคุณเคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ คุณเองก็ควรที่จะรู้วิธีการจัดการเบื้องต้นเกี่ยวกับมัน ก่อนที่โทรศัพท์ของคุณจะเผลอแบตหมดในยามคับขัน ถ้าหากเพื่อน ๆ พร้อมแล้วที่จะไปดูวิธีการจัดการกับปัญหานี้ ก็สามารถไปติดตามรายละเอียดกันได้เลย
>> ร้านซ่อม iPhone ใกล้ฉัน ที่ดีที่สุด
สาเหตุหลักของปัญหา
หากจะเรียนรู้วิธีแก้ไข และอยากที่จะรับมือกับปัญหาดังกล่าวให้ได้อย่างอยู่หมัด ก็อาจจะต้องเรียนรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาของช่องชาร์จ iPhone เสีย หลัก ๆ แล้วเกิดมาจาก 2 ประเด็นด้วยกันดังนี้ สาเหตุจากฮาร์ดแวร์ และสาเหตุจากซอฟต์แวร์ เพราะอย่างที่เรารู้กันเป็นอย่างดีว่า โทรศัพท์ตระกูลนี้ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์ขนาดกะทัดรัด องค์ประกอบทั้งสอง คือฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์นั้น จึงถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่ส่งตรงต่อการทำงาน รวมไปถึงการชาร์จโทรศัพท์ด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ iPhone ของคุณจะยังมีแบตอยู่ หรือแบตหมดไปแล้ว เครื่องดับ เราอยากที่จะให้คุณลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้ เพื่อเป็นทั้งการเช็คอาการ และแก้ไขเบื้องต้นนั้นเอง
>> ร้านซ่อม iPhone-ไอโฟน
แก้ไขปัญหาเบื้องต้นง่าย ๆ ด้วย 3 วิธีนี้
อย่างที่เราได้กล่าวเกริ่นไปในช่วงก่อนหน้า เมื่อคุณเข้าใจเกี่ยวกับโอกาสที่จะเป็นสาเหตุหลักของปัญหาชนิดนี้ได้แล้ว คุณจะได้เลือกสามารถในการจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าเพื่อน ๆ อยากรู้แล้วว่า 3 วิธีนี้จะมีวิธีอะไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลย
1. Hard reset
หนึ่งในวิธีแก้ที่หลายคนอาจจะมองว่าไม่สามารถแก้ไขได้โดยตรง แต่ในทางปฏิบัติแล้วก็สามารถที่จะช่วยเหลือในกรณีนี้ได้เป็นอย่างดี ก็คือการ Hard reset นี้นี่เอง โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากซอฟต์แวร์โดยเฉพาะได้อย่างหลากหลาย ในกรณีที่โทรศัพท์ไม่ปรากฏอะไรขึ้นมาเลย รวมถึงไร้ซึ่งการตอบโต้ การลองแก้ไขด้วยวิธีนี้จึงเป็นถือได้ว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจไม่น้อย ลำดับแรกเราอยากที่จะให้คุณลองเสียบสายชาร์จเข้ากับตัวเครื่อง และเสียบปลั๊กไฟให้เสร็จเรียบร้อย หากชาร์จไปในระยะเวลาหนึ่งแล้วยังไม่มีการปรากฏขึ้นของหน้าจอในรูปแบบใดก็ตาม ให้คุณกดปุ่ม โฮม หรือ Home และปุ่ม Sleep/Wake พร้อมกัน ถี่ ๆ ประมาณ 10 วินาที วิธีนี้จะสามารถเป็นการ Back up และ Reboot หากคุณสามารถที่จะทำให้ได้โดยสำเร็จ นั้นหมายความว่าหลังจากที่ทำขั้นตอนนี้ หลังจาก 10 วินาที ถ้าหากหน้าจอกลับมาแสดงผล ข้อมูลของคุณก็จะยังคงเดิม ถึงแม้จะมีการ Reboot ไปเองก็ตาม แต่ในกรณีที่คุณใช้งาน iPhone อยู่ และเกิดเครื่องดับ หากใช้วิธีนี้ ข้อมูลก่อนหน้าอาจจะเสียหายได้
>> วิธีส่งซ่อม iPhone-ไอโฟน
2. เช็คสายชาร์จ และตัว Adapter
หากคุณได้ลองใช้วิธีแรกที่เราได้แนะนำไปแล้ว แต่ไม่ได้ผล และยังไม่สามารถชาร์จเข้าได้ สิ่งต่อมาที่เราอยากจะให้คุณลองตรวจสอบดูก็คือ อุปกรณ์ชาร์จ และตัวหัว Adapter เริ่มจากสายว่ามีอาการสายหัก หรือฉีกขาด รวมไปถึงอาการไหม้ และอาการละลายบ้างหรือไม่ ในวิธีนี้คุณสามารถที่จะลองสายชาร์จอื่นที่เป็นสายชาร์จ iPhone มาลองเสียบดู เพื่อให้แน่ใจว่าปัญหาเกิดจากสายใช่ หรือไม่ ในส่วนของ Adapter นั้น เช่นเดียวกันหากคุณใช้วิธีข้างต้น และก็ยังไม่สามารถงานได้ ให้ลองเปลี่ยนหัวชาร์จ หรือ Adapter ดู เพื่อที่จะได้มั่นใจได้ว่าปัญหาเกิดจากจุดนี้หรือเปล่า
3. เช็คพอร์ตสำหรับเสียบชาร์จ
ระหว่างวันที่คุณใช้งานตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการวางโทรศัพท์ในห้องน้ำเปิดเพลง หรือจะเป็นการใส่โทรศัพท์ไว้ในช่องกระเป๋ากางเกงเองก็ตาม อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิ่งสกปรกเข้าไปอยู่ที่ช่องเสียชาร์จได้ คุณอาจจะลองทำความสะอาดช่องชาร์จเพื่อให้เกิดความสะอาดมากที่สุด ก่อนที่คุณจะทำการเสียบสายชาร์จ และลองชาร์จดูอีกครั้งหนึ่ง นี่อาจจะเป็นวิธีที่หลายคนมองข้าม แต่ก็เป็นวิธีแก้ไขที่มีการใช้อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากช่องเสียบชาร์จของโทรศัพท์เป็นช่องเสียบที่หลายคนมองข้าม และไม่ให้ความสำคัญกันมากนัก
ทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียด และข้อมูลของวิธีการดูแล และแก้ไขปัญหาของช่องชาร์จ iPhone เสียถ้าหากว่าเพื่อน ๆ ได้ลองใช้วิธีเหล่านี้ไปแล้ว แต่อาการของเครื่องก็ยังไม่ดีขึ้น หรือกลับมาใช้งานได้ดั้งเดิม คุณควรที่จะนำตัวเครื่องมาซ่อมที่ร้านชั้นนำ โดยการเลือกร้านเองก็มีส่วนสำคัญ เนื่องจากไม่ใช่ทุกร้านที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของเครื่องได้อย่างตรงจุด อีกทั้งยังช่วยให้คุณเสียค่าใช้จ่ายที่ย่อมเยา และมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยได้ ถ้านี่คือสิ่งที่คุณกังวล ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ให้เราเป็นคำตอบ และเพื่อนช่วยแก้ทุกปัญหาของโทรศัพท์คุณ